ภาพยนตร์สายลับระดับตำนานที่ทุกคนรอคอยอย่าง No Time To Die ที่หลายๆ คนอาจจะได้ชมกันไปแล้ว กับบทสรุปของตำนานสายลับรหัส 007 ในแบบฉบับของ แดเนียล เคร็ก (Daniel Craig) หลังจากที่เขาได้รับบทบาทนี้นับตั้งแต่ Casino Royale (2006), Quantum of Solace (2008), Skyfall (2012) และ Spectre (2015) แม้กาลเวลาว่าจะผ่านไปภาพยนตร์ 007 ก็ยังถือว่าเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่เป็นขวัญใจของหลายๆ คนทั่วโลกเสมอ

บางคนจดจำสายลับคนนี้จากคาแร็กเตอร์ที่โดดเด่น บางคนจดจำจากการแต่งกายสุดเนี้ยบ แต่มีสิ่งของอยู่หนึ่งชิ้นที่ตัวละครสายลับคนนี้ขาดไม่ได้ตลอดภาพยนต์บอนด์ทุกภาคนั่นคือนาฬิกา OMEGA คู่ใจของเขานั่นเอง ไม่เพียงแต่ Daniel Craig เท่านั้นที่สวมใส่นาฬิกาในตำนานนี้ แต่หากย้อนกลับไปในปี 1995 สายลับหนุ่ม James Bond โดย Pierce Brosnan ในภาค Golden Eye ก็สวมใส่นาฬิกาสุดคลาสสิกนี้เช่นกันกับรุ่นที่มีชื่อว่า Omega Seamaster 2541.80.00 เรามาดูต่อกันเลยว่าสายลับแต่ละภาคสวมใส่นาฬิกาคู่ใจรุ่นใดกันบ้าง




และมาถึงนาฬิกา Bond Watch รุ่นล่าสุดที่ปรากฎในภาพยนตร์เรื่อง No Time To Die แบรนด์เรือนเวลาคู่กายของสายลับ 007 อย่าง Omega จึงได้เปิดนาฬิกาดีไซน์ใหม่ภายใต้ชื่อรุ่น Seamaster Diver 300M 007 Edition ด้วยตัวเรือนไทเทเนียมขนาด 42 มิลลิเมตร และสายที่มาด้วยกันถึง 2 แบบ สายไทเทเนียมสุดเท่ที่สามารถเข้าได้กับทุกสถานการณ์และสาย NATO น้ำหนักเบามาพร้อมคู่สีที่สามารถเข้าได้กับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ความพิเศษของนาฬิกาในภาคนี้จะเห็นได้จากภาพยนตร์โฆษณาความยาวราว 34 วินาที ในฉากที่เขากำลังปลดล็อคประตูโดยใช้ตัวนาฬิกาเป็นตัวแก้ไขปัญหาและฉากบู้สุดระทึกส่วนหนึ่งจากภาพยนตร์ แสดงให้เห็นถึงความทนทานของตัวเรือน

https://www.youtube.com/embed/vwH_pyF8y7A
ภาพยนตร์เรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่ถูกเลื่อนฉายบ่อยที่สุดเรื่องหนึ่งตั้งแต่มีการวางโปรแกรมฉาย เนื่องด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่ผ่านมาทั้งโลกที่ยังไม่สามารถรับมือได้ในช่วงแรก แต่บ้านเราในขณะนี้ทุกอย่างเริ่มกลับมาปกติอีกครั้ง โรงภาพยนตร์สามารถกลับมาเปิดและทุกคนสามารถเข้าไปชมได้อีกครั้ง ‘No Time to Die’ ภาพยนตร์ลำดับที่ 25 ของสายลับ James Bonds เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทุกคนต้องห้ามพลาด การปิดฉากของบทบาทสายลับในตำนานแบบฉบับของ Daniel Craig จะเป็นอย่างไร บอกได้คำเดียวว่าห้ามพลาด!