เราทุกคนล้วนมีกลิ่นเฉพาะตัว เสมือนสารเคมีต่างๆ ผสมผสานกันออกมากลายเป็นค็อกเทลในร่างเราซึ่งมีกลิ่นกายที่แตกต่างกัน หลอมรวมเข้ากับบรรดาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เราใช้ไม่ว่าจะเป็นสกินแคร์ โลชั่น แชมพูหรือแม้แต่น้ำยาปรับผ้านุ่ม
มันช่างเป็นกลิ่นกรุ่นอันละเอียดอ่อนแต่ทว่าโดดเด่นเฉพาะตัว เหมือนเวลาที่เราได้กลิ่นกายใครสักคนจางๆ บนเสื้อยืดตัวเก่งหรือบนปลอกหมอน และหากคุณคิดว่าน้ำหอมคือสิ่งที่เราต้องพรมฉีดเป็นประจำก่อนออกจากบ้านไม่ต่างจากเสื้อผ้าอาภรณ์ชิ้นอื่นใด กลิ่นตัวโดยธรรมชาติจะว่าไปก็คือชุดชั้นในที่ต้องสวมติดตัวไว้นั่นเอง คือได้กลิ่นนะ แต่ต้องใกล้ชิดกันมากพอนั่นล่ะถึงจะได้กลิ่นจริงๆ

กลิ่นหอมดุจกลิ่นกายโดยธรรมชาติ
ดังที่รู้กันว่าน้ำหอมนั้นสามารถสร้างคาแรกเตอร์และความรัญจวนใจให้คนๆ หนึ่งมีเสน่ห์ขึ้นได้อย่างน่าประหลาด แบรนด์ความงามต่างๆ จึงเริ่มหันมาทำการทดลองครั้งสำคัญ นั่นคือการจำลองและเลียนเบบกลิ่นผิวกายโดยธรรมชาติของมนุษย์ ด้วยการปรุงส่วนผสมอันเลิศเลอเข้าด้วยกัน ผลก็คือการถือกำเนิดของน้ำหอมประเภทใหม่ที่ให้กลิ่นหอมดุจกลิ่นกายโดยธรรมชาติ มาทั้งแบบ Eau de Parfum และ Toilettes โดยที่ไม่ได้เหมือนรองพื้นเจือสีแบบที่เรียกกันว่าทินต์หรือลิปบาล์ม หรือผลิตภัณฑ์เพื่อการจัดแต่งทรงผมโดยเน้นเท็กซ์เจอร์เส้นผมตามธรรมชาติเท่านั้น แต่นี่คือน้ำหอมชนิดที่ช่วยผลักดันและส่งเสริมกลิ่นกายที่เรามีอยู่แล้วโดยธรรมชาติให้ชัดยิ่งขึ้น
โดยน้ำหอมกลิ่นที่ว่านี้มันมีความเจือจางบางเบา และติดตัวชนิดที่ต้องใกล้ชิดมากๆ ถึงจะได้กลิ่น เช่นเดียวกับกลิ่นกายโดยธรรมชาติ Tanian Sanchez นักเขียนหนังสือ Perfumes: The Guide เล่าว่ากลิ่นผิวกายนั้นมีความ “บางเบามากจนคนจะไม่ทันนึกว่าเป็นกลิ่นน้ำหอม เป็นกลิ่นที่ติดตัวเราเสมอไม่ว่าจะเดินเหินไปไหนก็ตาม เป็นส่วนหนึ่งในตัวเราและแผ่ซ่านออกจากตัวเรา ฉันสงสัยว่าอาจต้องอาศัยกลิ่นที่มีความแน่นและค่อยๆ ระเหยออกอย่างมัสก์ ไม้หอม และแอมเบอร์ หรือกลิ่นที่ระเหยเร็วกว่าอย่างเบอร์รี่ ดอกไม้และเกรปฟรุตเป็นตัวผสมผสาน”
บ่งบอกถึงความชิดเชื้ออย่างลึกซึ้ง
กลิ่นกายที่ว่านี้มีภาวะที่ไร้เพศและสามารถจะเป็นกลิ่นที่อบอุ่น เชิญชวน เซ็กซี่ (แบบไม่เข้มข้น) และสะอาด (สะอาดแบบไม่ใช่กลิ่นยาฆ่าเชื้อในโรงพยาบาลน่ะนะ) ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำหอมบางคนได้แนะนำว่าอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้กลิ่นผิวกายกลายเป็นกลิ่นอันแสนเชิญชวนยวนใจขึ้นมาได้ก็เพราะมันบ่งบอกถึงความชิดเชื้ออย่างลึกซึ้งนั่นเอง โดยเฉพาะในช่วงหลายเดือนหลายปีที่ผ่านมานี้ที่เราห่างหายจากสัมผัสทางกายและความใกล้ชิดกันมาอย่างต่อเนื่อง
“ด้วยสถานการณ์โควิดทำให้เกิดมาตรการควบคุมการรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลขึ้น” Rachel Herz แพทย์ นักประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยบราวน์ และผู้เชี่ยวชาญด้านกลิ่นในแง่มุมวิทยาศาสตร์จิตวิทยากล่าว “ดังนั้นการได้กลิ่นที่เชื่อมโยงกับกลิ่นกายมนุษย์ย่อมทำให้เกิดความรู้สึกใกล้ชิดซึ่งมีมิติที่ล้ำลึกมากในแง่ทางจิตวิทยา ผู้คนเริ่มกลับมามีกิจกรรมพบปะกันมากขึ้นหลังจากการปลีกวิเวกเพื่อรักษามาตรการในช่วงที่ผ่านมาและโหยหาความชิดเชื้อทางอารมณ์ ทางสังคม และทางจิตใจ กลิ่นกายจึงช่วยให้คนได้รับการปลอบประโลมและเติมเต็มความต้องการเหล่านั้นได้”

ปลุกเร้ากลิ่นโดยธรรมชาติของมนุษย์
นักปรุงน้ำหอมสามารถรังสรรค์กลิ่นที่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวขนาดนั้นได้อย่างไร? สำหรับกลิ่นหอมบางกลิ่นเช่น Glossier You Eau de Parfum หรือ The Maker Naked Eau de Parfum ล้วนมีส่วนผสมหลักเป็นพริกไทยชมพู ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยเติมกลิ่นเครื่องเทศที่นุ่มนวล ซึ่งใกล้เคียงกันกลิ่นผิวกายของมนุษย์มาก
สำหรับกลิ่นผิวกายอื่นๆ นั้นบางทีก็ต้องอาศัยกลิ่นดอกไม้เพื่อปลุกเร้ากลิ่นโดยธรรมชาติของมนุษย์เราให้เตะจมูกมากขึ้น แต่แน่นอนว่าต้องเป็นกระบวนการที่ละเอียดอ่อน ไม่ใช่ว่าเป็นกลิ่นดอกไม้เอะอะอย่างที่เราพบเจอกันอยู่บ่อยๆ อย่าง By Rosie Jane Rosie Eau de Parfum ที่เลือกใช้กลิ่นกุหลาบอ่อนๆ เพื่อสร้างความรู้สึกอบอุ่น ละเมียดละไมของผิวกาย หรือ Glossier You ที่ใช้พริกไทชมพูผสานไอริสในการเบลนด์กลิ่นเครื่องเทศนิดๆ ให้นุ่มนวลขึ้น

กลิ่นจางๆ ของพริกไทชมพู ซอฟต์ไอริส และวอร์มแอมเบอร์ ช่วยให้กลิ่นผิวหอมหวานยิ่งขึ้น

กลิ่นหอมที่ได้รับการบรรยายว่าดุจดั่ง “ได้นอนเปลือยเปล่า” ด้วยกลิ่นยวนใจจากมัสก์และกุหลาบ

กลิ่นหอมจากความทรงจำในบ้านของพาร์ฟูมเมอร์ ที่ผสานกลิ่นไม้โอ๊คและมัสก์

Iso E Super โมเลกุลกลิ่นไม้หอมจางๆ ซึ่งหลอมเข้ากับผิว ช่วยขับกลิ่นกายโดยธรรมชาติให้ชัดขึ้น

ความยูนีคของกลิ่นแนวคลีนๆ ที่เข้ากันได้ดีกับอุณหภูมิอุ่นๆ ของร่างกาย
อาวุธลับสำหรับกลิ่นผิวอย่าง Molecule 01 By Escentric Molecules ก็คือส่วนผสมที่เรียกว่า Iso E Super ซึ่งช่วยส่งเสริมกลิ่นอื่นๆ ให้โดดเด่นยิ่งขึ้น ซึ่งโดยส่วนผสมนี้เดี่ยวๆ จะมีกลิ่นออกไปทางไม้หอมและแทบจะเรียกว่า “ไม่รู้สึก” เลยด้วยซ้ำ แต่พอฉีดสเปรย์ลงบนผิวคุณจะรู้สึกได้เลยว่ากลิ่นกายโดยธรรมชาติของคุณนั้นเด่นชัดยิ่งขึ้น
“พวกเราค้นพบว่า Iso E Super ซึ่งมีส่วนผสมอยู่แค่ตัวเดียวเท่านั้นคือ Molecule 01 ได้สร้างกลิ่นกายที่แผ่ซ่านเอกลักษณ์ของผู้ใช้แต่ละคนให้เปล่งประกายออกมา” Geza Schoen นักปรุงน้ำหอมระดับเซียนและผู้ก่อตั้ง Escentric Molecules อธิบาย โดยเธอแนะว่านี่คือส่วนผสมที่รังสรรค์อัตลักษณ์ตัวตนไม่เพียงแต่ผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงตัวตนของแบรนด์ด้วยจึงเป็นไอเท็มที่ขายดีที่สุดและผู้คนต่างปรารถนาที่จะแสดงความเป็นอัตลักษณ์ตัวตนของตัวเองออกมา จึงมองว่ากลิ่นหอมกลิ่นนี้คือทางเลือกที่ดีและแปลกใหม่แหวกแนวจากกลิ่นน้ำหอมโดยทั่วไปในท้องตลาด
กลิ่นผิวกายนั้นสามารถเป็นอะไรที่เซ็กซี่เชิญชวนสุดๆ อย่าง Secretions Magnifiques จาก Etat Libre d’Orange ซึ่งใช้อัลดีไฮด์ในการปรุงกลิ่น (เช่นเดียวกับ Chanel No.5 อันเลื่องลือในกลิ่นหอมคลาสสิคดุจสบู่คลีนๆ) ผสานกับมัสก์ แซนดัลวูด และส่วนผสมจากท้องทะเลอย่างสาหร่าย มอบความรู้สึกอันแสนเย้ายวนและละเอียดอ่อนได้อย่างไม่น่าเชื่อ เช่นเดียวกับกลิ่นกาย Secretions Magnifiques คือกลิ่นที่หอมและชัดที่สุดเมื่ออยู่ใกล้ชิดกันมากพอ

ไอเดียที่เกิดจากความรู้สึกสนุกสนาน ช่วงเวลาแห่งความสุข มอบกลิ่นหอมอบอุ่นแบบเมืองร้อน

ความเข้มข้นที่เซอร์ไพรส์ด้วยกลิ่นหอมของซิตรัสผสานเข้ากับแสงแดดยามเช้า เป็นกลิ่นหอมที่เข้ากันกับทุกเพศ

ความเจิดจ้าที่ผสานรวมระหว่างเนโรลิและซิตรัส ชวนให้นึกถึงการนอนตื่นสายๆ บนเตียงยามเช้าวันหยุด

เสน่ห์ดึงดูดที่ได้รับคำนิยามเป็นกลิ่นที่ชวนทำให้ลุ่มหลงมัวเมาแต่กลับซ่อนความสวยงามของกลิ่นที่ติดผิวกาย

เซ็กซี่ยวนใจด้วยกลิ่นที่ผสานมัสก์ เข้ากับแซนดัลวูด และกลิ่นอายจากท้องทะเล
เรื่อง: Tynan Sinks
แปล: พรประทาน ชัยกรโกศล
เรียบเรียง: มัลลิกา บุญยืน
Photo: Engin Akvurt (Pexels), Victoria Borodinova (Pexels), Courtesy of The Brands